TH I EN
๔๘ ปางประทานพร

ปางที่ ๔๘

ปางประทานพร

พระพุทธรูปปางนี้มี ๒ แบบ คือแบบหนึ่งอยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิและพระหัตถ์ซ้ายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาแบฝ่าพระหัตถ์ ยื่นออกไปวางที่พระชานุ

อีกแบบหนึ่งอยู่ในพระอิริยาบถยืน  ยกพระหัตถ์ซ้ายขึ้นเสมอพระอุระ หงายฝ่าพระหัตถ์ออกไปข้างนอกบ้าง ยกขึ้นเสมอพระอังสาถือชายจีวรบ้าง พระหัตถ์ขวาห้อย หันฝ่าพระหัตถ์ออกไปข้างหน้า เป็นกิริยาประทาน

แบบนั่งสมกับเรื่อง จึงอยู่ในความนิยมของการสร้าง

พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนานดังนี้

พระพุทธรูปปางประทานพรนี้ มีเรื่องที่ทรงประทานพรอันควรจะยกขึ้นบรรยายถึง ๓ เรื่องคือ
๑. เรื่องประทานพรแก่หมอชีวกโกมารภัจจ์
๒. เรื่องประทานพรแก่นางวิสาขามหาอุบาสิกา
๓. เรื่องประทานพรแก่พระอานนท์พุทธอุปัฏฐาก

จะขอเล่าเรื่องประทานพรแก่นางวิสาขามหาอุบาสิกา เพียงเรื่องเดียวซึ่งมีตำนานดังนี้ :-

ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกไปแสดงธรรมสั่งสอนพุทธเวไนย ณ พระนครพาราณสี ครั้นใกล้เทศกาลเข้าพรรษา จึงเสด็จพระพุทธดำเนินมาพระนครสาวัตถีพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวก เสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี

เมื่อนางวิสาขามหาอุบาสิกาได้ทราบข่าวก็ดีใจ รีบไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าที่พระเชตวันมหาวิหารนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงประทานธรรมมีกถา ให้นางวิสาขาซาบซึ้งในธรรม น้อมรับเอาข้อปฏิบัติมีความอาจหาญร่าเริง ในธรรม เมื่อสิ้นสุดกระแสพระโอวาทแล้วนางวิสาขาได้กราบทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมด้วยพระสงฆ์ขอให้ทรงพระกรุณาเสด็จไปรับภัตตาหารยังนิเวศน์ของท่านในวันรุ่งขึ้น

ครั้นนางวิสาขามหาอุบาสิกา ทราบว่าพระผู้มีพระภาคทรงรับอาราธนาก็ดีใจถวายบังคมลา ทำประทักษิณพระผู้มีพระภาคแล้วกลับไป

รุ่งขึ้นเช้าฝนตกหนัก ท้องฟ้ามืดมัวไปทั่วทุกทิศ พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ฝนตกที่พระเชตวันวิหารวันนี้ ไม่น้อยกว่าตกในที่อื่นทั่ว ๆ ไป ฉะนั้นพวกเธอควรอาบน้ำฝนกันเสีย เพราะฝนห่านี้จะเป็นห่าสุดท้ายของมหาเมฆที่ตั้งขึ้นในเช้าวันนี้

ภิกษุทั้งหลายรับสนองพระบัญชาแล้ว ก็พากันออกมาเปลื้องจีวรสบงออก ใช้ชุดวันเกิดสรงน้ำฝนกันกลางแจ้งอย่างชื่นอกชื่นใจ ด้วยในเวลานั้นสงฆ์ยังไม่มีผ้าอาบน้ำฝน เพราะยังไม่มีพุทธบัญญัติให้พระสงฆ์มีผ้าอาบน้ำฝนใช้

ในเวลาเช้าก่อนฝนตกที่นิเวศน์ของนางวิสาขา ได้จัดแจงตกแต่งขาทนียะโภชนียาหารอันประณีตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านวิสาขาจึงสั่งจริยาหญิงสาวใช้ต้นห้องว่า จริยาเธอจงรีบออกไปที่พระเชตวันวิหาร เผดียงพระสงฆ์ว่า ท่านเจ้าข้า! ได้เวลาแล้วเจ้าข้า อาหารสำเร็จแล้วเจ้าข้า

จริยาหญิงต้นห้องของนางวิสาขา รับคำสั่งแล้วรีบกระวีกระวาดออกไปยังพระวิหาร ด้วยเห็นฝนตั้งเค้าใหญ่มืดไปหมดทุกทิศ ตั้งใจจะไปให้ถึงพระอารามก่อนฝนตก แม้นางจะรีบสาวเท้าเท่าใด ก็หาทันรอดสายฝนที่กระหน่ำลงมาจั๊ก ๆ ไม่ แต่เคราะห์ดีที่บังเอิญได้อาศัยซุ้มประตูพระอารามหลบฝนที่เทลงมาอย่างลืมหูลืมตาไม่ขึ้น พอหนักเป็นเบา เพื่อรอเวลาฝนขาดเม็ด จะได้เข้าไปในพระวิหาร แต่ฝนก็ไม่หยุดสักที จริยาเดินวนเวียนอยู่ที่ซุ้มประตูจนรำคาญ จึงได้โผล่ศีรษะเข้าไปภายใน ใช้สายตากวาดมองดูทั่ว ๆ ไปที่ลานวัด

ทันใดนั้น จริยาก็ได้เห็นพระภิกษุอาบน้ำฝนกันเป็นอันมาก อยู่ในรูปลักษณะที่นางไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะเห็นหรือจะเป็นไปได้เช่นนั้น ก็ตกใจถึงสะดุ้งถอยหลังหดตัวเข้าบังอยู่ในความหนาของผนังซุ้มประตู บ่นอยู่ในลำคอว่า "แหม! ผิดถนัด เจ้าแม่วิสาขา ทราบจากใครมาว่า พระบรมศาสดาพร้อมด้วยพระสงฆ์อยู่ที่วัด เราก็พลอยดีใจว่าเป็นโชคดีของตัวที่ได้โอกาสเข้าเฝ้าถวายบังคลพระยุคลบาทในวันนี้ด้วย แท้ก็พวกชีเปลือยทั้งเพ ประเดกันเข้ามาหลบเล่นน้ำฝนอยู่ในลานวัด ต๊าย! ตาย น่าบัดสีเสียจริง ๆ เดชะบุญที่เราไม่ทันถลันแล่นเข้าไปในลานวัด และเป็นเคราะห์ดีที่พระพิรุณกระหน่ำลงมาห้ามมิให้เราเข้าไป หาไม่จะอัปรีย์กินตัวไม่น้อยทีเดียว จริยาร้อนใจมิทันจะรอให้ฝนขาดเม็ด รีบเดินกรำฝนกลับบ้านเข้ารายงานนางวิสาขา

"เจ้าแม่ค๊ะ ที่พระเชตวัน ไม่มีพระดอกเจ้าค่ะ"

"ไม่มีพระ" ท่านวิสาขาทวนคำด้วยความประหลาดใจ

"ค่ะ ไม่มีพระค่ะ" ต้นห้องเรียนย้ำอีก

"นางวิสาขา กล่าวด้วยความไม่พอใจว่า "พระไม่มีสักองค์เดียวเจียวรึจริยา"

"เจ้าค่ะ จริยายืนยัน แม้แต่องค์เดียวก็ไม่มีเจ้าค่ะ"

"อืม์" ท่านวิสาขาครางออกมาด้วยความสนเทห์ที่ผิดความตั้งใจแล้วถามเพื่อค้นหาความจริงต่อไปอีกว่า "จริยา ที่วัดอนาถบิณฑิกะน่ะ! ว่างผู้ว่างคนเอาเทียวหรือ"

"คนแยะค่ะ เจ้าแม่ แต่ไม่ใช่พระที่เจ้าแม่ต้องการ มีแต่ชีเปลือยพากันชื่นใจอยู่กับน้ำฝน เต็มวัดเต็มวาไปหมด" จริยาเบิกตาพูดแสดงว่าไปตกใจมาที่ได้พบเห็นเช่นนั้น

นางวิสาขางงงัน ในถ้อยคำของต้นห้องมาก จึงถามติดไปว่า "จริยาไปพบเห็นชีเปลือยเหล่านั้นอย่างไร ไหนเล่าให้ฉันฟังถี"

จริยา ได้เล่าถึงพฤติการณ์ ที่ตนไปเห็นมาให้นางวิสาขาฟังจนตลอด

อาศัยที่นางวิสาขาเป็นสตรีมีปัญญา ได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดีดำรงอยู่ในพระอริยผลชั้นพระโสดาบัน เป็นมหาอุบาสิการอบรู้ในพระพุทธศาสนาดังนั้นเมื่อจริยาหญิงต้นห้องของท่านเล่าจบลงความจริงของเรื่องก็ประจักษ์แก่ท่านโดยแจ่มแจ้ง ครั้นท่านนิ่งรำพึงอยู่ด้วยกุศลจิตสักครู่ ใบหน้าของท่านก็สดชื่นดีใจว่า เป็นโชคดีของท่านที่จะได้โอกาสบำเพ็ญกุศลเป็นพิเศษในวันนี้ ครั้นแล้วท่านก็ปราศัยกะต้นห้องของท่านว่า "จริยาขอบใจเธอน๊ะ" ที่อุตส่าห์รีบกรำฝนมาบอก จนผ้าชุ่มไปด้วยน้ำ นี่ฝนก็หายแล้ว ฉันขอให้เธอเปลี่ยนผ้าเสีย แล้วกลับไปวัดพระเชตวันอีกสักเที่ยว เชื่อว่าพวกชีเปลือย ที่เธอพบเห็นเหล่านั้นคงจะออกจากวัดไปหมดแล้ว เธอคงจะไม่ได้เห็นสภาพที่น่าทุเรศเช่นนั้นอีกเป็นแน่และคงจะได้พบพระตามที่ฉันมุ่งหมาย รีบไปหน่อยนะจริยาเวลาจะสาย

จริยาหญิงสาวใช้ รับคำนายหญิงโดยเคารพแล้ว รีบออกจากบ้านมุ่งหน้าไปวัดพระเชตวันทันที

เนื่องจากเช้าวันนั้นฝนตกมาก น้ำไหลนองไปทั่ว ลางแห่งน้ำท่วมลึกถึงเข่าถึงสะเอวยากแก่การเดินทางไปมาในที่ไหน ๆ ทั้งสิ้น แต่ก็หาเป็นข้อขัดข้องหรือเป็นภัยแก่การเดินทางของท่านผู้ทรงอภิญญาญาณแต่ประการใด

ฉะนั้น ก่อนเวลาที่หญิงสาวใช้ของท่านวิสาขาจะไปถึงพระเชตวันวิหารและเมื่อเป็นกาลอันสมควรที่พระศาสดา และพระสงฆ์จะเสด็จไปยังนิเวศน์ท่านวิสาขาแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงรับสั่งให้พระสงฆ์ทั้งหมดเตรียมบาตรจีวร เพื่อเดินทางไปยังนิเวศน์ของท่านวิสาขาพร้อมกัน เมื่อทรงเห็นพระสงฆ์มาพร้อมกันแล้ว ก็ทรงทำปาฏิหาริย์นำพระสงฆ์หายจากเชตวันไปปรากฏพระกายที่ซุ้มประตูเรือนท่านวิสาขาโดยฉับพลัน เหมือนบุรุษที่มีกำลัง งอแขนเข้า เหยียดแขนออก ได้ทันใจนึกฉะนั้น แล้วเสด็จขึ้นประทับบนพระพุทธอาสน์พร้อมด้วยพระสงฆ์โดยความเรียบร้อยทุกประการ

ท่านวิสาขารู้สึกอัศจรรย์ใจมาก ตื่นเต้นในเหตุการณ์ที่ได้ประสบอย่างไม่เคยนึกเคยฝัน ด้วยแทนที่จะได้ฟังรายงานจากจริยาหญิงสาวใช้ของท่านว่าพระสัมพุทธเจ้าพร้อมพระสงฆ์เสด็จมาแล้ว ก่อนที่พระสัมพุทธเจ้าจะเสด็จถึงเรือน แต่กลับปรากฏแก่นัยน์ตาของท่านในบัดนี้ว่า พระสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์ได้เสด็จถึงเรือนก่อนคนใช้ที่ให้ไปเผดียงเสียอีก จึงได้ประกาศความยินดีแก่บรรดาบริษัทบริวารในบ้าน ที่มาประชุมกันช่วยเลี้ยงพระอยู่พร้อมหน้าว่า น่าอัศจรรย์ไหม พวกเรา น่าอัศจรรย์ซีน๊ะ น่าอัศจรรย์มากทีเดียว มากอย่างคาดไม่ถึง พระตถาคตเจ้าทรงมีฤทธิ์มากทรงมีอานุภาพมาก ดูซิ! กระน้ำจากฝนตกเมื่อสักครู่นี้ ไหลนองไปทุกหนทุกแห่ง ลางแห่งลุ่มลึกเพียงเข่า เพียงสะเอว การเสด็จมาจะต้องลำบาก จะต้องช้า จะต้องเปียก แต่พระตถาคตเจ้าผู้ทรงอานุภาพเป็นที่อัศจรรย์ ทรงพาพระสงฆ์เสด็จมาได้อย่างสะดวกสบายรวดเร็ว จีวรก็ไม่เปียกน้ำ ที่สุดแม้พระบาทก็ไม่เปรอะเปื้อน หรือเปียกด้วยน้ำ ตามระยะทางที่ต้องเสด็จดำเนินลุยมาแต่ประการใด เป็นที่อัศจรรย์จริง ๆ ไม่น่าจะเป็นได้เลย

ครั้นท่านวิสาขาได้ประกาศความยินดี ให้บริษัทบริวารเกิดความปีติยินดีเบิกบานใจทั่วกันแล้ว ก็อังคาสพระบรมศาสดา และพระสงฆ์สาวกด้วยขาทนียะโภชนียาหารอันประณีตด้วยมือของตนเอง ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง เมื่อพระบรมศาสดาพร้อมด้วยพระสงฆ์วางพระหัตถ์จากบาตร แสดงว่าทรงอิ่มหนำสำราญแล้ว ท่านวิสาขามหาอุบาสิกาจึงได้เข้าเฝ้ากราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญหม่อมฉันขอประทานพร ๘ ประการพระเจ้าข้า

ภ. ตถาคตเลิกให้พรเสียแล้วนี่ วิสาขา

วิ. หม่อมฉันจะขอประทานแต่พรที่สมควรและไม่มีโทษ แต่ประการใด ๆ เลยพระเจ้าข้า

ภ. ไหน วิสาขา จงบอกไปก่อน พระศาสดาทรงรับสั่ง "เธอต้องการพรอะไร"

วิ. พระเจ้าข้า พรของหม่อมฉันที่ขอประทานแทบฝ่าพระยุคลบาทก็เพื่อความงามและความสุขสำหรับพระสงฆ์

พรที่ ๑ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายวัสสิกสาฎก ผ้าอาบน้ำฝน
พรที่ ๒ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายอาคันตุกภัตร อาหารสำหรับพระต่างถิ่นที่จรมา
พรที่ ๓ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายคมิกภัตร อาหารสำหรับพระเตรียมจะเดินทางไกล
พรที่ ๔ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายคิลานภัตร อาหารสำหรับพระอาพาธ
พรที่ ๕ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายคิลานุปัฏฐากภัตร อาหารสำหรับพระพยาบาลพระอาพาธ
พรที่ ๖ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายคิลานเภสัช ยาสำหรับพระอาพาธ
พรที่ ๗ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายธุวยาคู ยาคูประจำ
พรที่ ๘ สำหรับภิกษุณีสงฆ์ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายอุทกสาฎก ผ้าผลัดอาบน้ำจนตลอดชีวิต

พระศาสดาทรงรับสั่งว่า "วิสาขา เธอเห็นประโยชน์อะไร ในพร ๘ ประการที่ขอมานั้น"

วิ. "เห็นประโยชน์มากพระเจ้าข้า" ท่านวิสาขากราบทูล

พรที่ ๑ ที่หม่อมฉันขอประทานนั้น มีสาเหตุที่สมควรให้หม่อมฉันขอประทานซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้เอง ก่อนเวลาที่พระองค์พร้อมด้วยพระสงฆ์จะเสด็จมาเรือนของหม่อมฉัน คือพอหม่อมฉันสั่งให้จัดอาหารเพื่ออังคาสพระยุคลบาทพร้อมด้วยพระสงฆ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็สั่งหญิงรับใช้ของหม่อมฉันให้รีบออกไปยังพระเชตวันวิหาร เพื่อทูลอัญเชิญเสด็จ หญิงรับใช้ของหม่อมฉัน ได้เห็นพระสงฆ์ทั้งหมดเปลือยกายอาบน้ำฝนกันที่ลานวัด ทำให้เธอเข้าใจผิดคิดไปว่าไม่มีพระในวัด มีแต่พวกชีเปลือยพากันหลบเข้ามาเล่นน้ำฝนในวัด พระเจ้าข้า ความเปลือยกายเป็นสิ่งไม่งาม น่าเกลียด น่าชัง ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส หม่อมฉันเห็นประโยชน์อย่างนี้ จึงขอประทานพรที่ ๑ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายวัสสิกสาฎก ผ้าอาบน้ำฝน แก่พระสงฆ์ตลอดชีวิต ขอให้พระสงฆ์ได้มีผ้าอาบใช้เพิ่มบริขารอีกสักอย่างหนึ่งเถิด พระเจ้าข้า

พรที่ ๒ หม่อมฉันเห็นบรรดาพระอาคันตุกะ ที่เดินทางมาจากต่างถิ่นเข้ามาพำนักอยู่ในพระนคร เพื่อเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค เนื่องจากท่านเป็นคนใหม่ต่อสถานที่ ไม่ชำนาญทาง ไม่รู้จักที่ควรไปและไม่ควรไป เที่ยวบิณฑบาตไม่ได้ ย่อมลำบากด้วยอาหาร อยู่ในสภาพที่น่าสงสาร ไม่เป็นความผาสุกแก่การตั้งใจมาเฝ้าพระองค์ด้วยกุศลจิตเลยพระเจ้าข้า หม่อมฉันเห็นว่าหากพระอาคันตุกะเหล่านั้น จะได้ฉันอาคันตุกภัตต์ของหม่อมฉัน ในระยะแรกที่เพิ่งเข้ามาพำนักอยู่ พอให้รู้จักทางที่ควรไปและไม่ควรไป สะดวกแก่การเที่ยวบิณฑบาตสักระยะหนึ่งก่อนหม่อมฉันเห็นประโยชน์อย่างนี้ จึงขอประทานพรที่ ๒ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายอาคันตุกภัตต์แก่พระสงฆ์ตลอดชีวิต ขอให้พระอาคันตุกะได้ฉันอาคันตุกภัตต์ อาหารสำหรับพระต่างถิ่นที่จรมา พอได้มีเวลาศึกษาหาความรู้ลู่ทางเที่ยวบิณฑบาตชั่วระยะเวลาหนึ่งเถิด พระเจ้าข้า

พรที่ ๓ หม่อมฉันได้เห็นพระที่เตรียมตัวจะเดินทางไกลไปทางถิ่น โดยต้องอาศัยเรือเดินทางก็ดี หมู่เกวียนก็ดี ซึ่งล้วนแต่มีกำหนดเวลาออก หรือสถานที่ที่จะเดินไปอยู่ในเวลาจำกัดไม่พลบค่ำ เมื่อพระที่เตรียมตัวจะไป มัวไปเที่ยวบิณฑบาตเสีย ย่อมพลาดเรือ พลาดเกวียน เพราะกลับมาไม่ทันกำหนด หรือไปพลบค่ำตามทางย่อมลำบาก อยู่ในสภาพที่น่าสงสาร หม่อมฉันเห็นว่าพระที่เตรียมตัวจะเดินทางไกลเช่นนั้น ควรจะได้รับอนุเคราะห์ ถ้าท่านได้ฉันคมิกภัตต์อาหารสำหรับพระเดินทางไกลที่หม่อมฉันจัดถวาย โดยไม่ต้องไปเที่ยวบิณฑบาตสัก ๑ เวลา ท่านก็จะได้ความสะดวกในการเดินทาง ไม่พลาดเรือ, พลาดเกวียน, ไม่ผิดเวลาที่มุ่งหมาย, จะเป็นความผาสุกแก่ท่านหม่อมฉันเห็นประโยชน์อย่างนี้ จึงขอประทานพรที่ ๓ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายคมิกภัตต์แก่พระสงฆ์ตลอดชีวิต ขอให้พระที่เตรียมตัวจะเดินทางไปได้พักการเที่ยวไปบิณฑบาต ฉันอาหารสำหรับผู้เดินทางสักหนึ่งเวลา เพื่อสะดวกแก่การเดินทางของท่านเถิด พระเจ้าข้า

พรที่ ๔ พระเจ้าข้า, ธรรมดาคนไข้ทั่วไปย่อมต้องการอาหารที่เป็นประโยชน์ต่างร่างกายทั้งในทางบำรุง และในทางไม่แสลงต่อโรค แม้พระก็เช่นกัน เมื่อพระอาพาธไปได้อาหารที่ไม่เป็นสัปปายะ หรือเป็นของแสลงเข้าโรคก็จักกำเริบ หรือไม่ท่านก็จักมรณภาพ อยู่ในสภาพลำบาก น่าสงสาร ควรได้รับการบำรุง, รักษาพยาบาล, เมื่อท่านได้ฉันคิลานภัตต์ อาหารสำหรับคนไข้แล้ว อาพาธก็จักทุเลา จักไม่ถึงมรณภาพ หม่อมฉันเห็นประโยชน์อย่างนี้ จึงขอประทานพรที่ ๔ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายคิลานภัตต์แก่พระสงฆ์ตลอดชีวิต ขอให้พระอาพาธได้ฉันคิลานภัตต์ อาหารสำหรับคนไข้โดยเฉพาะตลอดเวลาที่ท่านยังอาพาธอยู่เถิด พระเจ้าข้า

พรที่ ๕ พระเจ้าข้า, อีกข้อหนึ่ง ในการรักษาพยาบาลคนไข้นั้น คนพยาบาลเป็นบุคคลสำคัญเท่ากับหมอ ดังนั้นพระพยาบาลพระอาพาธ ก็เป็นผู้ควรได้รับการบำรุงเช่นเดียวกับพระอาพาธ เพราะถ้าไม่มีใครเหลียวแลท่านปล่อยให้ท่านไปเที่ยวบิณฑบาตเพื่อท้องของท่าน ซึ่งก็จำเป็นอยู่ แล้วจึงให้ท่านนำคิลานภัตต์ไปปฏิบัติพระอาพาธก็สายมาก ลำบากแก่พระอาพาธหรือถ้าให้ท่านนำคิลานภัตต์ไปปฏิบัติพระอาพาธเสียก่อนแล้วจึงค่อยไปบิณฑบาต เมื่อเกินเวลารับบาตรเสียแล้ว ท่านก็จะอดเป็นโทษแก่พระพยาบาล เพราะต้องตัดอาหารของท่าน อยู่ในสถานะลำบาก น่าสงสาร ควรได้รับการบำรุง เมื่อพระพยาบาลได้ฉันคิลานุปัฏฐากภัตต์เสียก่อน โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องบิณฑบาตท่านก็จะได้นำคิลานภัตต์ไปปฏิบัติพระอาพาธได้ตามเวลา หม่อมฉันเห็นประโยชน์อย่างนี้ จึงขอประทานพรที่ ๕ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายคิลานุปัฏฐากภัตต์แก่พระสงฆ์ตลอดชีวิตขอให้พระพยาบาลได้ฉันคิลานุปัฏฐากภัตต์ อาหารสำหรับพระพยาบาลไข้ ตลอดเวลาที่ทำการพยาบาลอยู่เถิด พระเจ้าข้า

พรที่ ๖ พระเจ้าข้า, อีกข้อหนึ่ง ในการรักษาพยาบาลคนไข้นั้น เภสัชที่เป็นสัปปายะแก่คนไข้ ก็เป็นปัจจัยอันสำคัญยิ่ง ดังนั้นหากพระอาพาธไม่ได้เภสัชที่เป็นสัปปายะ อาพาธก็จักกำเริบหรือไม่ก็จักถึงมรณภาพ เป็นการรอนชีวิตให้สั้น และเป็นอยู่อย่างลำบาก อยู่ในสภาพที่น่าสงสาร หากพระอาพาธได้เภสัชเป็นที่เป็นสัปปายะอาพาธก็จักทุเลา จักไม่ถึงมรณภาพเป็นการต่ออายุให้ยืนยาวต่อไป เป็นความผาสุกสำหรับเวลาป่วยไข้ หม่อมฉันเห็นประโยชน์อย่างนี้ จึงขอประทานพรที่ ๖ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายคิลานเภสัชแก่พระสงฆ์ตลอดชีวิต ขอให้พระอาพาธได้ฉันคิลานเภสัช ยาสำหรับคนไข้ ตลอดเวลาที่ท่านอาพาธอยู่เถิด พระเจ้าข้า

พรที่ ๗ พระเจ้าข้า อีกประการหนึ่ง หม่อมฉันได้ทราบว่า พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงอานิสงส์ของข้าวยาคูไว้ ๑o ประการ และได้ทรงอนุญาตให้พระฉันได้ เมื่อคราวเสด็จประทับอยู่ที่เมืองอันธกะวินทะ แม้หม่อมฉันก็มีความเห็นชอบในอานิสงส์ตามที่พระองค์ตรัสนั้น ดังนั้นหม่อมฉันจึงขอประทานพรที่ ๗ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายยาคูเป็นประจำแก่พระสงฆ์ตลอดชีวิต ขอให้พระสงฆ์ได้ฉันยาคูประจำในกาลอันสมควรตลอดไปเถิด พระเจ้าข้า

พรที่ ๘ พระเจ้าข้า ประการสุดท้าย สำหรับภิกษุณีสงฆ์ ได้ทราบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า ยังมิได้มีพระบัญญัติให้นางภิกษุณีมีผ้าผลัดอาบน้ำ ดังนั้นจึงปรากฏว่าภิกษุณีทั้งหลายได้เปลือยกาย (ใช้ชุดวันเกิด) อาบน้ำร่วมท่ากับหญิงแพศยา ณ แม่น้ำอจิรวดีนี้ หญิงแพศยาเหล่านั้นมีนิสัยด้านต่อความละอายได้พากันพูดเย้ยหยันภิกษุณีว่า แม่เจ้าเอ๊ย หล่อนกำลังสาวไปประพฤติพรหมจรรย์จะได้ประโยชน์อะไร บริโภคกามมิดีกว่าหรือ ควรประพฤติพรหมจรรย์ต่อเมื่อแก่เฒ่าดีกว่า แล้วหล่อนยังจะได้ชื่อว่าถือเอาประโยชน์ทั้งสองไว้ได้ คือสาวก็ไม่เปล่า เฒ่าก็ไม่เสีย ภิกษุณีเหล่านั้นถูกพวกหญิงแพศยาเย้ยหยันได้รับความละอายต้องเก้อเขิน พระเจ้าข้า ความเปลือยกายเป็นสิ่งไม่งาม น่าเกลียด น่าชัง ทำให้ด้านต่อความรู้สึกในการรักษาภาวะเดิม หม่อมฉันเห็นประโยชน์อย่างนี้ จึงขอประทานพรที่ ๘ ขอให้หม่อมฉันได้ถวายอุทกสาฎก แก่ภิกษุณีสงฆ์ตลอดชีวิต ขอให้ภิกษุณีสงฆ์ได้มีผ้าอาบน้ำเป็นประจำเถิด พระเจ้าข้า

พระผู้มีพระภาคทรงรับสั่งว่า "วิสาขา เธอเห็นอานิสงส์อะไรที่เธอจะพึงได้ในพร ๘ ประการที่ขอต่อตถาคตนี้" "อย่างนี้ พระเจ้าข้า" ท่านวิสาขากราบทูล เมื่อหม่อมฉันแน่ใจว่า พระสงฆ์มีความผาสุกจากการได้ใช้สอยผ้าวัสสาสิกสาฎก, ได้ฉันอาคันตุกภัตต์, คมิกภัตต์, คิลานภัตต์, คิลานุปัฏฐากภัตต์, คิลานเภสัช, หรือข้าวยาคูเป็นประจำ, จัดเป็นกุศลยิ่งสำหรับหม่อมฉัน และเมื่อหม่อมฉันระลึกถึงกุศลนั้นอยู่ ก็จะเกิดความปลื้มใจ เมื่อหม่อมฉันปลื้มใจแล้ว ก็จะเกิดความอิ่มใจ เมื่อมีใจอิ่มอยู่ในบุญกุศลแล้ว กายก็จะสงบ เมื่อกายสงบแล้ว ก็จักได้เสวยสุข เมื่อมีความสุข จิตจักตั้งมั่น เป็นอันว่าหม่อมฉันได้อบรมอินทรีย์ อบรมพละ อบรมโพชฌงค์พร้อมกันไป เพราะหม่อมฉันเห็นอานิสงส์อย่างนี้ จึงขอประทานพร ๘ ประการต่อพระองค์ พระเจ้าข้า

ดีแล้ว, ดีแล้ว, วิสาขา, ชอบแล้ว, วิสาขา, พระผู้มีพระภาคทรงประทานสาธุการและรับสั่งต่อไปว่า "วิสาขา, ฉันให้พร ๘ ประการนี้แก่เธอ" แล้วตรัสคาถาอนุโมทนาแก่ท่านวิสาขาอีกว่า "สตรีใดให้ข้าวและน้ำ มีใจเบิกบาน, สมบูรณ์ด้วยศีล, เป็นสาวิกาของพระสุคต ครอบงำความตระหนี่เสียได้บริจาคทานอันเป็นทางมาแห่งสวรรค์เครื่องบรรเทาความโศก ให้เกิดความสุข สตรีนั้นดำเนินตามมรรคปฏิปทาอันปราศจากธุลีไม่มีกิเลสเครื่องยั่วใจ ย่อมได้กำลังและอายุเป็นทิพย์ สตรีผู้ใคร่บุญนั้น, มีความสุข, มีอนามัย, ย่อมปลื้มใจในสวรรค์สิ้นกาลนาน"

ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงอนุโมทนาให้นางวิสาขาเบิกบานได้ปีติในกุศลจริยาแล้ว ก็เสด็จกลับไปยังพระเชตวันวิหาร โปรดให้ประชุมภิกษุทั้งหลายแล้วทรงปรารภถึงท่านวิสาขาอุบาสิกา ทูลขอพร ๘ ประการ และได้ทรงประทานไปแล้วนั้น ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย จำเดิมแต่นี้ไป เราอนุญาตผ้าวัสสิกสาฎก, อาคันตุกภัตต์, คมิกภัตต์, คิลานภัตต์, คิลานนุปัฏฐากภัตต์, คิลานเภสัช, ยาคูประจำ และอนุญาตอุทกสาฎกสำหรับภิกษุณีสงฆ์ จบลงด้วยพระโอวาทที่ตรัสประทาน เตือนให้รู้จักประมาณรู้จักพอดี, ยังความเปรมปรีดิ์ปราโมทย์ให้เกิดแก่พระสงฆ์ทั้งหลายทั่วกัน.

จบตำนานพระพุทธรูปปางประทานพรแก่นางวิสาขามหาอุบาสิกาแต่เพียงนี้.

ข้อมูลจากหนังสือ "ตำนานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ" นิพนธ์ของ พระพิมลธรรม ราชบัณฑิต (ชอบ อนุจารีมหาเถร)

 
 
 
 

Website Policy | Privacy Policy | Security Policy | Disclaimer | ข้อกำหนดการใช้ Cookies รองรับการทำงานบน Internet Explorer v.11+, Microsoft Edge, Firefox v.47.0+, Chrome v.51+

จำนวนการเข้าชม : 30,288,384